เครือข่ายการวิจัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี(HPTN) ได้เริ่มดำเนินโครงการวิจัย HPTN 083
การศึกษาวิจัยแรกที่ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการฉีดคาโบทีกราเวียร์เพื่อการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัส (PrEP)
….. รายงานจาก : เมืองเดอแรม รัฐนอร์ทคาโรไลน่า– เครือข่ายการวิจัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HPTN) ได้เริ่มโครงการวิจัยใหม่ คือ โครงการวิจัย HPTN 083 เพื่อประเมินว่าการฉีดยาคาโบทีกราเวียร์ (CAB) สามารถป้องกันชายรักชาย และสาวประเภทสอง (TGW) ที่มีเพศสัมพันธ์กับชายให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อเอชไอวีได้เช่นเดียวกับการรับประทานยาทีโนโฟเวียร์ ไดโซพรอกซิล ฟูมาเรต/ เอ็มทริซิทาบีน(TDF/FEC) ทุกวันหรือไม่ หากพบว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัสหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า PrEP ได้โดยการฉีดยาคาโบทีกราเวียร์ ( CAB) สำหรับบางคนอาจจะง่ายกว่าการรับประทานยา TDF/FTC ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศแคนนาดา ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศเคนย่า ประเทศเปรู ประเทศฝรั่งเศส และประเทศออสเตรเลีย อยู่ในกลุ่มประเทศที่ยา TDF/FEC ได้รับการอนุมัติให้ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัส (PrEP)
นายแพทย์ราฟาเอล เจ แลนโดวิช (Raphael J. Landovitz, M.D., M.Sc.) ผู้เป็นประธานของกลุ่มผู้ออกแบบงานวิจัย HPTN 083 ทั้งยังเป็นรองศาสาตราจารย์ในหน่วยโรคติดเชื้อที่โรงเรียนแพทย์เดวิด เกฟเฟนแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย รัฐลอสแองเจิลลิส (UCLA) และดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัย Center for Clinical AIDS Research & Education (CARE) ของมหาวิทยาลัยเดียวกัน กล่าวว่า “ จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ต่อปีที่เป็นวัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายรักชายและสาวประเภทสองที่มีเพศสัมพันธ์กับชายเพิ่มสูงขึ้นทั้งๆที่อุบัติการณ์ใหม่ของการติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกคงที่” และ กล่าวว่า “ มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาวิธีการในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพหลายๆแบบ เพื่อที่ประชากรกลุ่มที่เปราะบาง (มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ)ที่สุดจะได้มีทางเลือกในการป้องกัน และเราหวังว่าการฉีดคาโบทีกราเวีย์จะเป็นทางเลือกหนึ่ง ” โครงการ HPTN 083 จะรับอาสาสมัครชายโดยกำเนิดที่มีเพศสัมพันธ์กับชายละสาวประเภทสองที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (cisgender MSM and TGW) ที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 4,500 คน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอาร์เจนตินา ประเทศบราซิล ประเทศเปรู ประเทศอินเดีย ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศแอฟริกาใต้ โครงการวิจัยจะใช้เวลาทั้งสิ้น 4.5 ปี ผู้ที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวีที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการติดเชื้อเอชไอวีจะถูกสุ่มว่าจะได้รับยาคาโบทีกราเวียร์หรือยาทีโนโฟเวียร์ ดิสพร๊อกซิล ฟูมูเรต/เอ็มทริซิทาบีน (ทีดีเอฟ/เอฟทีซี) แบบปกปิดทั้งสองด้าน ซึ่งหมายความว่าทั้งอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่โครงการวิจัยจะไม่ทราบว่าอาสาสมัครคนไหนได้รับยาอะไร อาสาสมัครโครงการวิจัยจะเปลี่ยนไปรับบริการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่มีให้บริการในท้องถิ่นเมื่อการเข้าร่วมโครงการวิจัยสิ้นสุดลง
แพทย์หญิงด๊อกเตอร์เบียทริซ กรินส์สไตน์ (Beatriz Grinsztejn, M.D., Ph.D.) ผู้เป็นประธานร่วมของกลุ่มผู้ออกแบบวิจัยและยังเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัย Instituto de Pesquisa Clinica Evandro Chagas HIV/AIDS Clinical Research Centre of the Oswaldo Cruz Foundation-Fiocruz ในริโอ เดอ จานีโร ประเทศบราซิล กล่าวว่า “โครงการวิจัย HPTN 083 มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการศึกษาชิ้นแรกขนาดใหญ่ของการฉีดยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นยาออกฤทธิ์ระยะยาว”
โครงการ HPTN 083 เป็นโครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนร่วมจากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (NIAID) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และ วีไอไอวี เฮลท์แคร์โดยวีไอไอววี เฮลท์แคร์และบริษัทกิลเลียด ซายด์เป็นผู้สนับสนุนยาโครงการวิจัย
นายแพทย์ไมรอน โคเฮน (Myron Cohen, M.D.) หัวหน้าโครงการวิจัยร่วมเครือข่ายการวิจัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและผู้อำนวยการสถาบันวิจัย The Institute for Global Health and Infectious Diseases แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทคาโรไลน่าแห่งชาเปิลฮิลล์ กล่าวว่า ” มีความต้องการอย่างเร่งด่วนที่จะต้องพัฒนาเครื่องมือสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี หากการฉีดยาคาโบทีกราเวียร์ที่ออกฤทธิ์ระยะยาวมีประสิทธิภาพ (ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี)จริง ก็จะเป็นทางเลือกสำคัญที่ไม่ต้องพึ่งวินัยในการรับประทานยาตามสูตรที่ต้องรับประทานทุกวันอย่างสม่ำเสมอ”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการวิจัย เข้าไปดูได้ที่
หรือ