การวิจัยระดับนานาชาติ MTN 017 พบว่า “การใช้ไมโครบิไซด์เจล* (ทีโนโฟเวียร์เจล)
ทางทวารหนักมีความปลอดภัยเมื่อใช้ทุกวัน และเมื่อใช้ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์”
โครงการ MTN-017 เริ่มดำเนินการในประเทศเปรู ไทย แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกาเมื่อกันยายน พ.ศ. 2556 รับอาสาสมัครกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสอง จำนวน 195 คน การวิจัยนี้ทดสอบการป้องกันเอชไอวีสามรูปแบบที่แตกต่างกัน คือ
1) สอดทีโนโฟเวียร์เจลเข้าไปในทวารหนักทุกวัน
2) สอดทีโนโฟเวียร์เจลเข้าไปในทวารหนักก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักแบบเป็นฝ่ายรับ
3) กินยาต้านไวรัสทรูวาด้าทุกวัน
อาสาสมัครแต่ละรายจะต้องใช้การป้องกันแต่ละรูปแบบนาน 8 สัปดาห์หยุดพัก 1 สัปดาห์ แล้ววนสลับกันให้ครบทั้งสามรูปแบบ วิธีการนี้ทำให้นักวิจัยสามารถเก็บข้อมูลความปลอดภัยและการยอมรับ เมื่อใช้เจลไมโครบิไซต์ทางทวารหนักเปรียบเทียบกับการกินยาทรูวาด้า ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกาให้ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีล่วงหน้าก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP) ตั้งแต่พ.ศ. 2555
** ไมโครบิไซต์เจลที่ใช้ในโครงการนี้เป็นจลที่มีตัวยาต้านไวรัส ทีโนโฟเวียร์ และมีการลดปริมาณกลีเซอรีนในเจลลง**
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ณ เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการประกาศผลของโครงการวิจัย MTN-017 ซึ่งศึกษาความปลอดภัยของการใช้เจลเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยสรุปพบว่าการใช้ทีโนโฟเวียร์เจลทางทวารหนักแบบใช้ทุกวัน และแบบใช้ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์นั้น มีความปลอดภัย และอาสาสมัครมีแนวโน้มที่จะใช้เจลก่อนและหลังเพศสัมพันธ์ พอๆกับ การกินยาต้านไวรัสทุกวันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
” ผลข้างเคียงจากการใช้เจลในโครงการ MTN-017 ” ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ เป็นอาการเล็กๆน้อยๆ ที่บ่งชี้ว่าเจลมีความปลอดภัย และไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการใช้เจลทั้งสองแบบเมื่อเทียบกับการกินยาทรูวาดา การวัดความร่วมใจในการใช้ทั้ง 3 รูปแบบในโครงการ MTN-017 ได้ดูจากการตอบคำถามผ่านข้อความทางโทรศัพท์มือถือ จากการนำเจลที่เหลือกลับมาคืน และจากการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีการใช้ยาหรือไม่ พบว่าโดยรวมแล้วอาสาสมัครโครงการ MTN-017 มีความร่วมใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของโครงการสูงคือ เกิน 80% ของจำนวนครั้งที่ต้องใช้ ความร่วมใจต่อวิธีการใช้เจลก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ (93%) ใกล้เคียงกับวิธีกินยาทรูวาดาทุกวัน (94%) แต่ความร่วมใจลดลงสำหรับวิธีใช้เจลทุกวัน (83%)
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับ ” ความพึงพอใจ ” อาสาสมัครตอบว่าเลือกกินยาทรูวาด้ามากกว่าใช้เจล แต่ก็รู้สึกว่าการใช้
เจลก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์นั้นง่ายพอๆ กับการกินยาทรูวาด้า เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่อาสาสมัครจะใช้ผลิตภัณฑ์วิจัยในอนาคต อาสาสมัครตอบว่าน่าจะใช้เจลก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์พอๆ กับการกินยาทรูวาด้า
ก่อนหน้านี้โครงการวิจัยชื่อ MTN- 007 พบว่าการใช้ทีโนโฟเวียร์เจลที่ลดปริมาณกลีเซอรีนลง (เพื่อลดอาการที่ไม่พึงประสงค์ในระบบทางเดินอาหาร) มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในอาสาสมัครทั้งชายและหญิงเมื่อใช้เจลดังกล่าวนาน 1 สัปดาห์ โครงการ MTN-017 นี้จึงเหมือนทำต่อยอดโดยติดตามการใช้เจลนานขึ้น
ผลของโครงการ MTN-017 มาในช่วงเวลาที่สำคัญของการวิจัยไมโครบิไซด์ทางทวารหนัก และมีความสำคัญต่อการกำหนดระยะของการศึกษาวิจัยในอนาคต และส่งเสริมให้งานวิจัยปัจจุบันไปสู่การศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่นอกจากการกินยา ทางเครือข่ายวิจัย MTN ได้ขยายแผนการวิจัยสำหรับผลิตภัณฑ์ไมโครบิไซด์ทางทวารหนักไปสู่การวิจัยเพื่อศึกษาประสิทธิผล ทั้งนี้เพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในการนำมาใช้ได้จริงต่อไป
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> MTN STOP HIV <<<