ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis)

Archive


Tags


Chlamydia trachomatis Condyloma acuminata COVID-19 halothane HIV Prevention Trial Network; HPTN HPTN083 HPV คืออะไร? Human papilloma virus isoniazid methyldopa MSM Gossip Non-gonococcal Urethritis phenytoin PrEP prepเชียงใหม่ sulfonamide drugs Syphilis valproic acid การรักษาซิฟิลิส การรักษาหนองใน การรักษาหูดหงอนไก่ ข่าว HPTN083 ข่าวกิจกรรม ข่าวสาร ข่าวสารประชาสัมพันธ์ ข่าวสารพิมานเซ็นเตอร์ ข่าวสารโครงการงานวิจัย บทความ บทความงานวิจัย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ยาฉีดคาโบทิกราเวียร์ ยาต้านไวรัสป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รศ. นพ. เกรียงไกร ศรีธนวิบุญชัย รับประทานรางวัลเชิดชูเกียรติภาคี สาเหตุการเกิดซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม หูดหงอนไก่ อาการของหนองใน อาการซิฟิลิส อาการหูดหงอนไก่ โครงการ MTN 017 โครงการวิจัย HPTN083 โรคซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Social Links


ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis)

โรคตับชนิดต่างๆ

ตับมีโอกาสเป็นโรคต่างๆได้แก่ โรคตับอักเสบ hepatitis โรคตับแข็ง [cirrhosisมะเร็งตับ [liver cancer] โรคไขมันในตับ [fatty liver] โรคฝีในตับ [liver abscess]

โรคตับอักเสบมี 2 ชนิด

  1. โรคตับอักเสบเฉียบพลัน [acute hepatitis] หมายถึงโรคตับอักเสบที่เป็นไม่นานก็หาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการ 2-3 สัปดาห์โดยมากไม่เกิน 2 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายขาดจะมีบางส่วนเป็นตับอักเสบเรื้อรัง และบางรายรุนแรงถึงกับเสียชีวิต
  2. โรคตับอักเสบเรื้อรัง [chronic hepatitis] หมายถึงตับอักเสบที่เป็นนานกว่า 6 เดือนจะแบ่งเป็น 2 ชนิด
  • chronic persistent เป็นการอักเสบของตับแบบค่อยๆเป็นและไม่รุนแรงแต่อย่างไรก็ตามโรคสามารถที่จะทำให้ตับมีการอักเสบมาก
  • chronic active hepatitis.มีการอักเสบของตับ และตับถูกทำลายมากและเกิดตับแข็ง
  • สาเหตุของโรคตับอักเสบ
  1. เชื้อไวรัส มีหลายชนิดได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ ,บ,ซี,ดี,อี
  2. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  3. ยาบางชนิด เช่น ยารักษาวัณโรค halothane, isoniazid, methyldopa, phenytoin, valproic acid, sulfonamide drugs. ผู้ป่วยหากได้ acetaminophen (พาราเซ็ตตามอล)ในขนาดสูงมากก็สามารถทำให้ตับถูกทำลายได้
  4. เชื้อโรคบางชนิด เช่น ไทฟอยด์,มาลาเรีย

การอักเสบของตับจะทำให้ตับบวม มีการทำลายเซลล์ตับ ทำให้มีอาการอ่อนเพลียจากการทำงานผิดปกติของตับ หากการอักเสบเกิดขึ้นเป็นเวลานานจะทำให้ตับถูกทำลายมาก และถูกแทนที่ด้วยพังผืด ทำให้ตับมีแผลเป็น และมีลักษณะแข็งเป็นตุ่มๆ แม้ว่าสาเหตุของตับอักเสบจะมีมากมายแต่สาเหตุที่สำคัญคือไวรัสตับอักเสบ ปัญหาโรคตับอักเสบ บี และโรคตับอักเสบเรื้อรังเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของประเทศไทยและทั่วโลก การดำเนินของโรคตับอักเสบ บี และโรคตับอักเสบ ซีสามารถดำเนินเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง เป็นตับแข็ง และเป็นมะเร็งตับ เป็นภาวะที่ก่อให้เกิดการสูญเสียทางครอบครัว ทางเศรษฐกิจเป็นอันมาก ดังนั้นการเข้าใจถึงโรคตับอักเสบ ซึ่งรวมถึงการติดต่อ การดำเนินของโรค การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันการติดต่อซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดูแลและช่วยลดจำนวนผู้ป่วยลง

ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ

  1. ผู้ป่วยดีซ่านตาขาวและผิวจะมีสีเหลือง
  2. ฝ่ามือมีสีเหลือง
  3. ปัสสาวะเข้ม
  • ตับอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการที่พบได้บ่อย คือ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ปวดข้อ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อาจจะพบผื่นตามตัว หรืออาการท้องเสีย บางรายปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลืองตาเหลือง ซึ่งอาการตัวเหลืองตาเหลืองจะหายไป 1-4 สัปดาห์ แต่บางรายอาจนาน 2-3 เดือน ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติ โรคไวรัสตับอักเสบ บี พบว่าร้อยละ 5-10 เป็นตับอักเสบเรื้อรัง ส่วนไวรัสตับอักเสบ ซี ร้อยละ 85 เป็นตับอักเสบเรื้อรัง
  • ตับอักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่จะมีการทำลายเซลล์ตับไปเรื่อยๆจนเกิดตับแข็ง และเป็นมะเร็งตับในที่สุดหากสงสัยว่าจะเป็นโรคตับอักเสบท่านควรไปรับการตรวจเลือดเพื่อหาว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดย

จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นตับอักเสบ

  1. ตรวจการทำงานของตับ โดยการหาระดับ SGOT[AST],SGPT [ALT]ค่าปกติน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าค่ามากกว่า 5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ หากพบว่าผิดปกติแพทย์จะขอตรวจเดือนละครั้งติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือนการแปรผลเลือด
  2. การตรวจหาตัวเชื้อ
  • ไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจหา Ig M Anti HAV
  • ไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจหา HBsAg ถ้าบวกแสดงว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าบวกแสดงว่ามีภูมิต่อเชื้อ  HBeAg ถ้าบวกแสดงว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาปริมาณเชื้อ
  • ไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการบอกว่ามีภูมิต่อเชื้อ  HCV-RNA ดูปริมาณของเชื้อ
  1. การตรวจดูโครงสร้างของตับ เช่นการตรวจคลื่นเสียงเพื่อดูว่ามีตับแข็งหรือมะเร็งตับหรือไม่
  2. การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของโรคการเลือกใช้ยาจะเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเนื่องจากยามีผลข้างเคียงที่พึงระวังหลายอย่าง ยาที่ใช้อยู่มี interfeon และ lamuvudin
  3. การปฏิบัติตัว
  4. การรักษาตับอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมในช่วงที่มีการอักเสบของตับ แต่การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอในตับอักเสบเรื้อรังสามารถทำได้
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนอย่างพอเพียง ไม่ต้องดื่มน้ำหวานมากๆ เพราะทำให้ไขมันสะสมที่ตับเพิ่มขึ้นถ้าเป็นไวรัสตับอักเสบเอ และ อี จะหายขาดไวรัสตับอักเสบ บี ร้อยละ 90หายขาด ส่วนไวรัสตับอักเสบ ซีและ ดี ยังไม่มีข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นพาหะคือผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบอยู่ในร่างกายแต่ไมแสดงอาการของตับอักเสบ ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นและต้องมั่นติดตามการดูแลจากแพทย์เป็นระยะๆผู้ป่วยที่เป็นพาหะมักเป็นกับเชื้อบี และ ซี เท่านั้นบุตรที่คลอดจากมารดาที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะมีโอกาสติดเชื้อได้สูง แต่ปัจจุบันการฉีดวัคซีนให้กับทารกสามารถป้องกันการติดเชื้อได้แม่สามารถให้นมบุตรได้การตรวจการทำงานของตับ ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ
  • การป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ การติดเชื้อตับอักเสบ เอจากอาหาร
  • ถ้ามารดาเป็นตับอักเสบจะมีผลอย่างไรต่อบุตร
  • พาหะของโรคจะทำอย่างไร
  • ถ้าเคยเป็นแล้วจะมีโอกาสติดเชื้ออีกหรือไม่

Loading